เด็กวัยนี้มักจะเปรียบเทียบตัวเองกับเด็กอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากมีสังคมที่กว้างขึ้นและมีเพื่อนมากขึ้น และเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเก่งไม่เท่าเพื่อน แรงจูงใจในการเรียนรู้อาจลดลง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยเตรียมรับมือกับสถานการณ์ถดถอยทางอารมณ์ของลูกวัยนี้ไว้บ้าง มาดูกันว่าพัฒนาการ 360° อัจฉริยะรอบด้านของลูกเป็นอย่างไรบ้าง
ฉลาดเรียนรู้
ลูกยังสนใจและพยายามเลียนแบบกิริยาท่าทางการเดินการนั่ง และการพูดคุยของผู้ใหญ่
สามารถบอกสี รูปทรงต่างๆ เช่น วงกลม สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยมได้ถูกต้อง
ความเข้าใจเรื่องเวลา เมื่อวานนี้ วันนี้ พรุ่งนี้ชัดเจนขึ้น และสับสนในการใช้คำพูดน้อยลง
ฉลาดเคลื่อนไหว
เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น สามารถวิ่งเตะลูกบอลได้โดยไม่ต้องหยุดเล็ง
เริ่มวิ่งขึ้นบันไดได้บ้างแล้ว
ขี่จักรยานสามล้อได้อย่างรวดเร็ว และสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ดี
ใช้มือข้างที่ถนัดได้ดีขึ้น ทั้งการจับดินสอวาดเส้น เขียนตัวพยัญชนะ และการหยิบจับสิ่งของชิ้นเล็กๆ ได้อย่างแม่นยำ
กล้ามเนื้อนิ้วแข็งแรงขึ้นตามลำดับ สังเกตได้จากลูกใช้กรรไกรตัดกระดาษตามเส้น เปิดฝาขวดน้ำ หมุนลูกบิดประตูได้ดีและเร็วขึ้น
ฉลาดสื่อสาร
มักสงสัยและมีคำถามมากมาย ควรตอบคำถามด้วยคำง่ายๆ สั้นๆ
คุณแม่สามารถส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาให้ลูกได้ด้วยการอ่านหนังสือให้ฟัง โดยใช้หนังสือภาพมาประกอบการเล่าเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น อ่านบทอาขยานสั้นๆ ง่ายๆ จะช่วยให้เด็กเรียนรู้พื้นฐานของระบบเสียงที่เกี่ยวกับการอ่าน รวมทั้งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องลำดับก่อนหลัง สิ่งที่เป็นนามธรรม ได้แก่ สี ขนาด จำนวน เป็นต้น
ฉลาดด้านอารมณ์
ลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้นหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเข้าห้องน้ำ การแต่งตัว รู้จักเลือกเสื้อผ้าใส่เองแล้ว และชอบใส่ชุดใหม่ๆ
จากการที่ลูกชอบเอาตัวเองไปเปรียบกับเพื่อนอาจทำให้ลูกเริ่มพูดถึงตัวเองในทางลบได้ ทางที่เราจะช่วยลูกได้คือเตือนให้ลูกรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ในสิ่งที่ลูกสามารถทำได้ดีบ่อยๆ รวมทั้งสนับสนุนให้ลูกกิจกรรมที่ลูกต้องการพัฒนาและชื่นชมความสำเร็จของลูก
แม้ว่าลูกจะเข้าสู่รั้วโรงเรียนแล้ว แต่ก็ใช่ว่าพ่อแม่จะวางมือจากการดูแลลูกได้ เพราะ “ครู” เป็นเพียงผู้ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่เพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งพ่อแม่ยังต้องคงบทบาทการเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการที่คอยกระตุ้นและทบทวนสิ่งต่างๆ ที่ลูกได้เรียนรู้จากโรงเรียนอยู่นะคะ
ฉลาดเรียนรู้
ลูกยังสนใจและพยายามเลียนแบบกิริยาท่าทางการเดินการนั่ง และการพูดคุยของผู้ใหญ่
สามารถบอกสี รูปทรงต่างๆ เช่น วงกลม สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยมได้ถูกต้อง
ความเข้าใจเรื่องเวลา เมื่อวานนี้ วันนี้ พรุ่งนี้ชัดเจนขึ้น และสับสนในการใช้คำพูดน้อยลง
ฉลาดเคลื่อนไหว
เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น สามารถวิ่งเตะลูกบอลได้โดยไม่ต้องหยุดเล็ง
เริ่มวิ่งขึ้นบันไดได้บ้างแล้ว
ขี่จักรยานสามล้อได้อย่างรวดเร็ว และสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ดี
ใช้มือข้างที่ถนัดได้ดีขึ้น ทั้งการจับดินสอวาดเส้น เขียนตัวพยัญชนะ และการหยิบจับสิ่งของชิ้นเล็กๆ ได้อย่างแม่นยำ
กล้ามเนื้อนิ้วแข็งแรงขึ้นตามลำดับ สังเกตได้จากลูกใช้กรรไกรตัดกระดาษตามเส้น เปิดฝาขวดน้ำ หมุนลูกบิดประตูได้ดีและเร็วขึ้น
ฉลาดสื่อสาร
มักสงสัยและมีคำถามมากมาย ควรตอบคำถามด้วยคำง่ายๆ สั้นๆ
คุณแม่สามารถส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาให้ลูกได้ด้วยการอ่านหนังสือให้ฟัง โดยใช้หนังสือภาพมาประกอบการเล่าเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น อ่านบทอาขยานสั้นๆ ง่ายๆ จะช่วยให้เด็กเรียนรู้พื้นฐานของระบบเสียงที่เกี่ยวกับการอ่าน รวมทั้งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องลำดับก่อนหลัง สิ่งที่เป็นนามธรรม ได้แก่ สี ขนาด จำนวน เป็นต้น
ฉลาดด้านอารมณ์
ลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้นหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเข้าห้องน้ำ การแต่งตัว รู้จักเลือกเสื้อผ้าใส่เองแล้ว และชอบใส่ชุดใหม่ๆ
จากการที่ลูกชอบเอาตัวเองไปเปรียบกับเพื่อนอาจทำให้ลูกเริ่มพูดถึงตัวเองในทางลบได้ ทางที่เราจะช่วยลูกได้คือเตือนให้ลูกรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ในสิ่งที่ลูกสามารถทำได้ดีบ่อยๆ รวมทั้งสนับสนุนให้ลูกกิจกรรมที่ลูกต้องการพัฒนาและชื่นชมความสำเร็จของลูก
แม้ว่าลูกจะเข้าสู่รั้วโรงเรียนแล้ว แต่ก็ใช่ว่าพ่อแม่จะวางมือจากการดูแลลูกได้ เพราะ “ครู” เป็นเพียงผู้ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่เพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งพ่อแม่ยังต้องคงบทบาทการเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการที่คอยกระตุ้นและทบทวนสิ่งต่างๆ ที่ลูกได้เรียนรู้จากโรงเรียนอยู่นะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น